เมืองต้นกำเนิดของหมี อีกทั้งยังเป็นประตูที่จะพาไปสัมผัสความงดงามทางธรรมชาติในแบบคิวชู

คุมาโมโตะ เมืองแห่งปราสาท (ชื่อคุมาโมโตะแปลว่า “ต้นกำเนิดของหมี”) เป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดและที่อยู่อาศัยของประชากรถึง 720,000 คน แต่เสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่หลงใหลก็คือความหลากหลายทางธรรมชาติในแบบคิวชู เพียงชั่วโมงเศษๆ ด้วยการขับรถก็สามารถเดินทางจากชายหาดกึ่งร้อนในอะมะกุซะ (Amakusa) ไปยังยอดภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นใน อะโสะ (Aso) นอกจากนี้ ในเมืองก็ยังเต็มไปด้วยธรรมชาติอันรื่นรมย์อย่าง แม่น้ำชิราคาวา (Shirakawa River) ที่แยกออกหลายสายและไหลไปยังตัวเมือง รวมทั้งพื้นที่สีเขียวรอบๆ อันกว้างใหญ่ ที่ทำให้ที่นี่ถูกกล่าวขานว่าเป็น แดนแห่งป่าสวยและน้ำใสบริสุทธิ์ (City of Woods and Fresh Water) และแน่นอนแม้จะไม่ได้เห็นหมีเดินเพ่นพ่านอยู่ตามถนน แต่มัสคอตยอดนิยมอย่าง คุมะมง (Kumamon) ก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป

กลับไปข้างบน

เรื่องน่าทำ: คุมาโมโตะ

  • อะโสะสุดเจ๋งและปล่องภูเขาไฟ

    ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso) ตั้งอยู่ใจกลางของอุทยานแห่งชาติอะโสะ-คูจู (Aso-Kuju National Park) อันกว้างใหญ่ โดยมีปากปล่องภูเขาไฟซึ่งนับเป็นหนึ่งในโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ด้วยเส้นผ่าศูนย์กลาง 25 กิโลเมตร ซึ่งใหญ่เท่ากับเมืองถึง 3 เมืองเลยทีเดียว นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีระบบรถไฟ การทำกสิกรรม และทุ่งเลี้ยงสัตว์ อีกทั้งภูเขาเล็กๆ 5 ลูก ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับหมอด ทั้งหมดนี้ล้วนตั้งอยู่ริมขอบของปากปล่องภูเขาไฟดังกล่าว ที่ไม่ควรพลาดไปเที่ยวชม

  • ตามล่าหาหมี

    ตัวมัสคอตของคุมาโมโตะคือ หมีสีดำแสนน่ารักที่ชื่อว่า คุมะมง (Kumamon) และความน่ารักนี้ก็ทำให้เจ้าหมีมัสคอตตัวนี้โด่งดังไปทั่วโลกและสามารถสร้างรายได้ถึง 293 ล้านเยนในปีที่ผ่านมา อีกทั้งได้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์ของราชวงศ์ญี่ปุ่นหรือแม้แต่การเป็นผู้บรรยายที่ฮาร์วาร์ด นักท่องเที่ยวที่มาเยือนคุมาโมโตะจะพบเห็นหน้าของเจ้าหมีตัวนี้ทุกหนทุกแห่ง แต่หากอยากพบตัวจริงแบบตัวเป็นๆ ก็ต้องที่ จัตุรัสคุมะมง (Kumamon Square)

  • ปราสาทดั้งเดิม

    ญี่ปุ่นนั้นเต็มไปด้วยปราสาทมากมาย แต่ปราสาทคุมาโมโตะ-โจ นั้นนับเป็นหนึ่งในปราสาทที่ยิ่งใหญ่และน่าประทับใจเป็นที่สุด ซึ่งตัวปราสาทส่วนใหญ่นั้นได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ตามแบบฉบับของยุคศตวรรษที่ 17 ด้วยฝีมือที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพระราชวังฮอนมารุ โกเทน (Honmaru Goten Palace) บ้านพักที่หรูหราของไดเมียว อีกทั้งต้นซากุระที่เรียงรายเป็นร้อยต้นบนสนาม ที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมดอกซากุระบาน

  • ความสุของคนกินเนื้อ

    หากกล้าพอที่จะลิ้มลอง หนึ่งในเมนูจานพิเศษที่มีชื่อเสียงที่สุดในคุมาโมโตะก็คือ บะซาชิ (Basashi) หรือเนื้อม้าดิบ แต่ถ้าคิดว่าหรูหราเกินไป เนื้อคุโรกิว (Kurogyu เนื้อดำ) หรืออะคากิว (Akagyu เนื้อแดง) ก็เป็นตัวเลือกระดับไฮเอนด์ของท้องถิ่นที่น่าลิ้มลองเช่นกัน สำหรับผู้รับประทานมังสวิรัติต้องหลงรัก คะระชิ เร็นคอน (Karashi Renkon) ซึ่งเป็นรากบัวยัดไส้ด้วยพริกคะระชิสุดเผ็ด และอีกหลากหลายเมนูที่ชื่นชอบก็มีพร้อมบริการที่ร้าน Umasakura

  • รถไฟ A-Train

    อะมะกุซะ (Amakusa) หมู่เกาะทั้ง 120 เกาะที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคุมาโมโตะ นั้นพร้อมมอบความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวด้วยวิวชายฝั่งที่เต็มไปด้วยผาหินขรุขระ ชายหาดยาวทรายขาวละเอียด สุดยอดการดำน้ำ การชมปลาโลมาตลอดปี หรือแม้กระทั่งไดโนเสาร์ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่ คือ การนั่งรถไฟ A-Train opens in new window โดย A นั้นย่อมาจากคำว่า Adult (ผู้ใหญ่) แต่อย่าจินตนาการถึงอะไรที่เซ็กซี่ เพราะมีเพียงแค่โบกี้บาร์เครื่องดื่มพ่วงไปด้วยเท่านั้น A-Train พร้อมให้บริการในวันสุดสัปดาห์และวันหยุดพักผ่อนในช่วงฤดูกาลการท่องเที่ยว

กลับไปข้างบน

ข้อมูลสนามบิน

สู่ใจกลางเมือง 20 กิโลเมตร
ใช้ระยะเวลา 35 นาที
แท็กซี่ ราคาประมาณ 5,000-7,000 เยน
รถบัส ราคาประมาณ 730-800 เยน ใช้ระยะเวลาเดินทาง 50 นาที โดยรถบัสส่วนใหญ่จะออกทุกๆ ชั่วโมงระหว่าง 8 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม

นอกจากนี้ยังมีรถบัสอีกหลากหลายสายที่ให้บริการไปสู่อะโสะ(Aso) เมืองแห่งบ่อน้ำพุร้อน คุโรคาว่า (Kurokawa) และเมืองอัศจรรย์แห่งน้ำตก ทาคาชิโฮะ (Takachiho)

กลับไปข้างบน

เวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว

คุมาโมโตะมีสภาพภูมิกาศแบบกึ่งร้อนชื้น และอาจจะได้พบกับฝนตกในระหว่างการท่องเที่ยวในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม อากาศในฤดูร้อนจะปลอดโปร่งโดยมีอุณหภูมิประมาณ 30 องศาเซลเซียส ส่วนฤดูหนาวจะเย็นกว่ามาก โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดใกล้กับจุดเยือกแข็ง ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงอากาศจะอบอุ่นขึ้นเมื่อมีความชื้น

ในเดือนตุลาคม ก็จะมีการจัดงานเทศกาลคันทรี่โกลด์ (Country Gold Festival) อันน่าตื่นตาตื่นใจด้วยวัฒนธรรมโคบาลแบบญี่ปุ่น อีกทั้งเทศกาลโคมไฟไม้ไผ่มิซูอาคาริ (Mizuakari Festival) ที่พร้อมมอบประสบการณ์ในแบบดั้งเดิม ส่วนเดือนกันยายนจะมีการจัดเทศกาลฟูจิซากิ ฮาชิมันกู (Fujisaki Hachimangu Festival) หรือที่เรียกว่าเทศกาลม้า (Horse Festival) ซึ่งจะจัดเป็นเวลา 5 วัน โดยมีการตกแต่งและกวดม้าไปตามถนนท้องถนนในตัวเมือง

กลับไปข้างบน

การเดินทางในเมือง

นอกเหนือไปจากบริการรถบัส ที่นี่ยังมีรถรางสองสายที่วิ่งทั่วเมืองคุมาโมโตะ ซึ่งทั้งสองสายจะวิ่งผ่านย่านใจกลางเมือง โดยสาย A จะวิ่งไปสู่สถานีคุมาโมโตะทางด้านทิศใต้ของเมือง และสาย B จะวิ่งไปทางทิศเหนือสู่สถานีคามิ-คุมาโมโตะ ด้วยราคา 150 เยน ตลอดสาย ไม่ว่าระยทางจะใกล้หรือไกลก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีบัตรโดยสารแบบหนึ่งวัน (All-day Pass) ในราคา 500 เยน ที่สามารถใช้ได้ทั้งรถบัสและรถราง พร้อมส่วนลดสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกด้วย

ที่นี่ยังมีรถ Kumamoto Loop Bus ที่เชื่อมต่อไปยังจุดต่างๆ ที่น่าสนใจของเมือง ด้วยราคาหนึ่งเที่ยว 150 เยน หรือตั๋วที่ใช้ได้อย่างไม่จำกัดในราคา 400 เยน ที่มีส่วนลดค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวให้มาด้วย

กลับไปข้างบน