มหานครที่เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและการเงินอันเฟื่องฟูของเวียดนาม ที่ๆ ความดั้งเดิมผสมผสานความทันสมัยได้อย่างลงตัว

โฮจิมินห์ หรือที่รู้จักกันว่าไซง่อน เป็นเมืองที่เปี่ยมไปด้วยพลังซึ่งต่างจากเมืองอื่นๆ ของเวียดนาม อีกทั้งยังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีศักยภาพในการขับเคลื่อนธุรกิจสูง ที่นี่จึงเต็มไปด้วยวุ่นวายแบบเมืองใหญ่ ทำให้ชาวเมืองนิยมผ่อนคลายชีวิตด้วยการดื่มด่ำไปกับกาแฟเย็นๆ หรือค็อกเทลแก้วโปรด ไม่ว่าจะเป็นที่เขต 1 (District 1) ซึ่งเป็นที่ตั้งของตึกสูงระฟ้าเหนือพิพิธภัณฑ์เก่าแก่สไตล์ฝรั่งเศสท่ามกลางความวุ่นวายของจักรยานยนต์มากมายวิ่งฉวัดเฉวียงบนท้องถนนด้านล่าง อีกทั้งร้านอาหารมากมายให้เลือกลิ้มลองตั้งแต่แบบชั้นดีไปจนถึงจานด่วนและรถเข็นข้างทางที่ตลาดบินถั่น (Ben Thanh Market) ซึ่งล้วนน่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้การท่องราตรีเลยทีเดียว เมื่อพูดถึงไนท์ไลฟ์แล้ว ยามพระอาทิตย์ตกดินและแสงไฟนีออนเริ่มส่องสว่าง โฮจิมินห์ก็พร้อมเปิดให้บริการในทุกสิ่งที่ปราถนา ไม่ว่าจะเป็น โรงเบียร์ราคาถูก ไปจนถึงบาร์ค็อกเทลหรูหรา และไนท์คลับแสนเร้าใจ ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายนี้เองจึงอาจทำให้คุณสลบแบบหมดสภาพในห้องนอนเมื่อใกล้เวลาพระอาทิตย์ขึ้นก็เป็นได้ ซึ่งไม่เหมือนกับที่อื่นๆ ในเวียดนาม ฉะนั้น จงตักตวงช่วงเวลาของค่ำคืนแสนพิเศษนี้ไว้ให้มากที่สุดเท่านที่จะทำได้

กลับไปข้างบน

เรื่องน่าทำ: นครโฮจิมินห์

  • เต็มอิ่ม

    หากต้องการหลีกหนีจากแผงขายของข้างถนนและกลุ่มจักรยานยนต์ที่วิ่งกันอย่างอลหม่าน โฮจิมินห์ก็มีร้านอาหารที่หรูหราและราคาย่อมเยาว์ให้เลือกลิ้มลองอย่างร้าน Au Parc opens in new window สำหรับมื้อเช้า ร้าน L’Usine opens in new window สำหรับกาแฟ และ ร้าน Le Bouchon de Saigon opens in new window หรือ Monsoon opens in new windowสำหรับดินเนอร์

  • เส้นทางสายปาร์ตี้

    ไนท์ไลฟ์ของไซง่อนนั้นจะไม่ยาวนานเหมือนที่ฮานอย ดังนั้นจึงควรรีบตักตวงบรรยากาศยามค่ำคืนอันน้อยนิดนี้ไว้ด้วยการดื่มด่ำไปกับรสชาติของเบียร์ท้องถิ่นราคาย่อมเยาว์บนเก้าอี้ตัวน้อยสีน้ำเงินของถนนฟามงูเหลา (Pham Ngu Lao) หากต้องการชมวิวแม่น้ำ ก็ต้องไปที่แหล่งแฮงค์เอ้าท์ใหม่อย่าง Broma หรือหากอยากฟังดนตรีดีๆ ก็ต้องที่เลาจน์สุดหรู และที่ร้านอาหาร Xu 

  • อดีตอันเจ็บปวด

    เพียงไม่กี่รุ่นที่ผ่านมา เมืองแห่งนี้เคยมีเหตุการณ์ที่วุ่นวายยุ่งเหยิงเกิดขึ้น ลองใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเรียนรู้ไปกับผลกระทบจากสงครามซึ่งเป็นที่รู้จักในนามสงครามไซง่อนในขณะนั้น พร้อมร่วมย้อนเวลา ณ ทำเนียบอิสรภาพ (Reunification Palace) และพิพิธภัณฑ์สงคราม (The War Remnants Museum) ที่จะพาคุณตามรอยอดีตของเวียดนามในช่วงแห่งความสับสนอลหม่านเมื่อศตวรรษที่ 20

  • เติมเต็มความสนุกสนาน

    สวนสนุกดัมเซน (Dam Sen Park) ในโฮห์บินห์ (Hoa Binh) พร้อมมอบความสนุกสนานสำหรับครอบครัวที่มีเด็กๆ เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายของเมือง ด้วยการพายเรือรอบทะเลสาบ หรือกระโดดขึ้นรถไฟที่วิ่งข้ามสวนสนุกไปชมการแสดงประจำสุดสัปดาห์

  • แม่น้ำที่หลั่งไหล

    หมู่บ้านเล็กๆ บนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงคือ ที่ๆ ชาวเวียดนามยังคงดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายไปพร้อมกับกระแสน้ำที่แปรเปลี่ยนไปตลอดทั้งปี การล่องเรือในแม่น้ำโขงหรือปั่นจักรยานไปตามหมู่บ้านต่างๆ นับเป็นการเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี รวมถึงการเยี่ยมชมตลาดน้ำ Cai Be ชมสวนผลไม้ พร้อมลิ้มลองอาหารท้องถิ่น และชิมทอฟฟี่มะพร้าวรสหอมหวาน

กลับไปข้างบน

ข้อมูลสนามบิน

สู่ใจกลางเมือง 6 กิโลเมตร
ใช้ระยะเวลา 15 นาที
แท็กซี่ราคาประมาณ 130,000 ดอง (US$6)
รถบัส 152 ให้บริการไปยังฟามงูเหลา (ถนนของเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์) ราคา 5,000 ดอง (US$0.25) และเพิ่ม 5,000 ดองสำหรับบริการขนสัมภาระ

กลับไปข้างบน

เวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว

นครโฮจิมินห์ มีสองฤดูกาลที่ชัดเจนคือ ฤดูฝนและฤดูแล้ง แม้การมาท่องเที่ยวที่นี่จะทำได้ตลอดปี แต่เมื่อฝนตกก็จะตกหนักมาก ซึ่งอาจทำให้การเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ นั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก ฤดูแล้งจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนเมษายน ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่มีความชื้นสัมพันธ์ต่ำมาก ในยามค่ำคืนอุณหภูมิจะลดต่ำถึง 18 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในเดือนธันวาคม

ธุรกิจส่วนใหญ่จะปิดให้บริการในช่วงเทศกาลเต็ด (Tet) ซึ่งเป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ของเวียดนาม ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยชาวเมืองมักจะเดินทางออกจากเมือง เพื่อไปเยี่ยมเยียนครอบครัวยังต่างจังหวัด ซึ่งทำให้เมืองเงียบเหงาลง แต่นักท่องเที่ยวก็จะสามารถเที่ยวชมเมืองได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

กลับไปข้างบน

การเดินทางในเมือง

แท็กซี่มิเตอร์นั้นสามารถเรียกใช้บริการได้สะดวกในโฮจิมินห์ ด้วยราคาประมาณ 12,000-15,000 ดอง สำหรับกิโลเมตรแรก และจ่ายเพียงไม่กี่ดอลลาร์สำหรับตลอดการเดินทาง หากไม่เร่งรีบบริการสามล้อถีบก็มีมากมายทั่วทั้งเมือง เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินเกินราคา ควรให้ทางโรงแรมที่พักเป็นคนจองรถให้

กลับไปข้างบน