มะนิลา
มะนิลานั้นเต็มไปด้วยกิจกรรมตลอดวันตลอดคืน อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ผสมผสานไว้ซึ่งศูนย์กลางของการค้าขายที่ไม่หยุดนิ่ง ประเพณี วัฒนธรรม และความอัศจรรย์ทางการครัว
ฝูงชนมากมายมหาศาลคือส่วนหนึ่งของตัวตนที่แท้จริงของเมืองแห่งนี้ อันเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ไม่หยุดนิ่ง ไม่เคยหลับใหล และมากมายเกินกว่าจะรับได้ แต่นวัตกรรมและสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ก็สามารถนำไปสู่การค้นพบเส้นทางการเที่ยวชมส่วนต่างๆ ของเมืองได้ด้วยการเดินเท้า
ไกด์ทัวร์ที่น่ารักอย่างคาร์ลอล ซีลแดรน (Carlos Celdran) ก็พร้อมนำนักท่องเที่ยวทัวร์รอบกำแพงเมืองอินทรามูรอส (Intramuros) และอีวาน แมน ดาย (Ivan Man Dy) ที่ชำนาญถิ่นไบนอนโด (Binondo) อันเป็นบ้านเกิดของเขา ทำให้มีการบอกเล่าเรื่องราวในการพัฒนาเมืองอันหนาแน่นแห่งนี้อย่างละเอียด ตั้งแต่ครั้งยังเป็นเมืองท่าสำคัญในช่วงของการค้าขายโดยเรือสำเภา (Galleon Trade) ไปจนถึงโครงการปูถนนอันกว้างขว้างของอเมริกันชน และท้ายสุดกับการเติบโตของร้านอาหาร ความบันเทิง และการเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม
เรื่องน่าทำ: มะนิลา
-
ศิลปะอันน่าจดจำ
ศิลปะร่วมสมัยนั้นมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้งในมหานครมะนิลา ทำให้มีผลงานที่น่าสนใจจากฝีมือศิลปินหน้าใหม่และศิลปินที่มีชื่อเสียงให้ได้ชมในแกลเลอรี่ขนาดใหญ่ตรงถนนพาซอง ทาโม (Pasong Tamo Road) ในเมืองมาคาติ โดยผลงานบางชิ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ แกลเลอรี่ Sliverlens, Manila Contemporary และ Finale Art File
-
ตะลุยกินในย่านไชน่าทาวน์
ไม่ไกลจากอินทรามูรอส ไบนอนโด (Binondo) ได้เติบโตขึ้นและประสบความสำเร็จตามกาลเวลาที่ผ่านไป ด้วยการเป็นศูนย์กลางหลักแห่งการค้าขายสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่กล้าหาญ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนหรือมีเชื้อสายจีน และที่ไชน่าทาวน์ของมะนิลาแห่งนี้ ไกด์อีวาน แมน ดาย (Ivan Man Dy) ก็พร้อมจะพาเดินทัวร์เพื่อลิ้มลองเมนูอร่อยในแบบบ้านเกิดของเขา ที่สามารถเลือกชิมไปได้ตลอดทางในย่านอันน่าสนใจแห่งนี้ ด้วยเมนูสุดพิเศษที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ไปพร้อมๆ กับเรียนรู้บทเรียนทางประวัติศาสตร์ของความสัมพันธ์ระหว่างชาวจีน-ฟิลิปปินส์
-
ประเทืองปัญญา
หากท่องเที่ยวมากับเด็กๆ ควรมากระตุ้นสมองยามบ่ายกันที่พิพิธภัณฑ์จิตวิญญาณ (Mind Museum) ที่โบนิฟาเซียว โกลบอล ซิตี้ (Bonifacio Global City) ที่อยู่ในทากุก (Taguig) ที่นี่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้นเป็นดาวเด่นในรูปแบบของพิพิธภัณฑ์อันทันสมัย ที่จัดแสดงผลงานออกแบบของศิลปินชาวฟิลิปปินส์และผู้ผลิตผ้าต่างๆ
-
ตลาดกลางเมือง
วันหยุดสุดสัปดาห์ในย่านศูนย์กลางทางธุรกิจของเมืองมาคาติ (Makati City) นั้นคึกคักไปด้วยการค้าขายมากมายหลายแบบ ตลาดนัดซาลเซโด (Salcedo Weekend Market) ในหมู่บ้านซาลเซโด (Salcedo Village) เปิดทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้าไปจนถึงบ่าย 2 โมง และตลาดนัดเลอกัซปี้ (Legazpi Weekend Market) เปิดทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้าไปจนถึงบ่าย 2 โมง ซึ่งตลาดทั้งสองแห่งนี้จะจำหน่าย อาหารรสเลิศ ขนมสไตล์โฮมเมด สินค้าออร์แกนิค และงานฝีมือต่างๆ
-
ย้อนเวลาหาอดีต
ร่วมทัวร์เดินเที่ยวกำแพงเมืองเก่าอินทรามูรอส (Intramuros) หรือป้อมสเปนที่กักผู้ที่ไม่ใช่ชนชั้นสูงไว้นอกประตู ซึ่งนำทัวร์โดยคาร์ลอล ซีลแดรน (Carlos Celdran) ที่จะพาไปชมถนนที่ปูด้วยหินพร้อมคำบรรยายอย่างรอบรู้ ซึ่งจะทำให้บทเรียนทางประวัติศาสตร์ครั้งนี้กลายเป็นเรื่องเม้าส์ที่น่าตื่นเต้น ทัวร์นี้จึงเป็นที่นิยมอย่างยิ่งและมักจะถูกจองเต็มเสมอ ดังนั้น จึงควรจองล่วงหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ร่วมทัวร์ “If These Walls Could Talk Tours” ของซีลแดรน อย่างแน่นอน (1,100 เปโซต่อผู้ใหญ่หนึ่งคน)
ข้อมูลสนามบิน
สู่ใจกลางเมือง 7 กิโลเมตร
ใช้ระยะเวลา 20-60 นาที
แท็กซี่ราคาประมาณ 40-200 เปโซ
กลับไปข้างบนเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว
ฤดูกาลที่ดีที่สุดของเมืองชายหาด จะมาเยือนฟิลิปปินส์ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เมื่ออุณหภูมิอบอุ่นในตอนกลางวันและค่อนข้างหนาวในเวลากลางคืน (อาจต้องสวมใส่เสื้อสเวตเตอร์แบบบาง) เช่นเดียวกับเดือนแห่งฤดูร้อน หรือเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนเมษายน ซึ่งอาจจะร้อนมาก ด้วยอุณหภูมิสูงถึง 38 องศาเซลเซียส ฉะนั้นเตรียมหมวกและแว่นกันแดด ดื่มน้ำเยอะๆ พร้อมทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง
ตลอดทั้งปีนั้นจะมีการจัดงานเทศกาลทั่วทั้งประเทศ ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออกก็ตาม โดยเทศกาลใหญ่ที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ เทศกาลอาติ อาติหาน (Ati-Atihan Festival) ในเมืองคาลิโบ (Kalibo) และเทศกาลชินูล็อก (Sinulog Festival) ที่เมืองเซบู (Cebu City) ที่จัดขึ้นในเดือนมกราคม เทศกาลพาแนกเบนก้า (Panagbenga Festival) หรือเทศกาลดอกไม้ที่เมืองบาเกียว (Baguio City) ในเดือนกุมภาพันธ์ เทศกาลกาดายาวาน (Kadayawan Festival) ที่เมืองดาเวา ในเดือนสิงหาคม และเทศกาลมาสเกอรา (Masskara Festival) ที่เมืองบาโคลอด (Bacolod) ในเดือนตุลาคม
กลับไปข้างบนการเดินทางในเมือง
ในเมืองใหญ่ๆ การเดินทางที่ดีที่สุดคือการใช้แท็กซี่มิเตอร์ ส่วนมหานครมะนิลา ซึ่งมีระบบรถไฟลอยฟ้า พร้อมมอบตัวเลือกในการเดินทางด้วย MRT และ LRT ทั้งยังมีรถจี๊บนีย์ (Jeepney) สีสันสดใส อันเป็นรถที่ตกทอดมาจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วนำมาแปลงโฉมใหม่ ซึ่งสามารถขนส่งผู้โดยสารได้ราวๆ 16 คนในระยะเส้นทางสั้นๆ โดยสามารถหยุดจอดได้ทุกที่
หากออกจากเมืองใหญ่ที่วุ่นวาน ก็ยังมีรถสามล้อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับรถตุ๊กตุ๊กและวิ่งในระยะทางสั้นๆ ซึ่งระบบการขนส่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ จะคิดราคาตามระยะทาง
กลับไปข้างบน